หน้าเว็บ

วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ปาฏิหารย์หลวงปู่สด ตอน สยบไสยเวทย์



หากใครได้ศึกษาถึงประวัติของหลวงปู่ ก็จะพบว่าท่านเป็นผู้มีอัธยาศัยรักในการศึกษามาก หลังจากที่บวชแล้ว ท่านก็เอาจริงเอาจังกับการศึกษาทั้งด้านปริยัติ ปฏิบัติ แสวงหาความรู้แทบทุกแขนง คือ วิชาไหนที่ใครว่าดี ท่านไปศึกษาหมด ไม่ว่าจะเป็นด้านยา วิชาแพทย์แผนโบราณ วิชาโหราศาสตร์ ไยสเวท วิชาวิทยาธร หรือแม้แต่วิชาเล่นแร่แปรธาตุ ทำทองแดงให้กลายเป็นทองคำ ท่านก็ทำได้ ซึ่งท่านบอกว่า สูตรของท่านเอามาจากพรหมโลก ที่หลวงปู่พูดอย่างนี้ เพราะมีอยู่คราวหนึ่ง มีพระที่เล่นแร่แปรธาตุมาหาหลวงปู่แล้วบอกว่า สมัยปู่ของปู่ของปู่ของปู่ได้ทดลองเล่นแร่แปรธาตุมาแล้ว แต่ก็ยังทำไม่สำเร็จสักที จึงสรุปเขียนไว้ในใบลานว่า
"กูชื่อไอ้ทองแดง เท่าปีกริ้น ปีกยุง ยังไงกูก็ไม่เป็นทองคำ"

ซึ่งแปลว่้า แม้ทองแดงจะมีน้อยนิดขนาดเท่าปีกของตัวริ้น หรือมีน้อยเท่าขนาดปีกของยุง ก็ไม่อาจเปลี่ยนทองแดงเป็นแร่ทองคำได้ ไม่ว่าจะเอามาทำอย่างไร และพอพูดอย่างนี้ หลวงปู่ท่านก็บอกว่า แต่สูตรของท่านเอามาจากพรหมโลก จากนั้นท่านก็ลองวิชาเปลี่ยนทองแดงให้เป็นทองคำ ปรากฎว่าทำได้จริงๆ จนโยมแผ้วและหลวงพ่อวัดลำพญา ซึ่งในสมัยนั้นอายุเพียง 12 ขวบ ดูแล้วก็นั่งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากๆ หลวงปู่ก็บอกว่า
"เฮ้ย แผ้ว เอ็งดูนะ หลวงพ่อทำได้แล้วนี่ นี่นะ ถ้าอยู่ทางโลกก็รวยทีเดียว"

แต่พอหลวงปู่ท่านทำได้แล้ว ท่านก็เลิก คือ ท่านต้องการแค่พิสูจน์ว่าทำได้

และที่น่าทึ่งไปกว่านั้น ก็คือ ไม่ว่าหลวงปู่จะศึกษาวิชาใด ท่านก็สามารถไปถึงขีดสุดของวิชชานั้นได้ และไม่ว่าครูที่สอนท่านทำได้แบบไหน ท่านก็ทำได้แบบนั้น แต่สุดท้ายเมื่อท่านค้นพบวิชชาธรรมกาย ซึ่งเป็นวิชชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็เลิกวิชาเหล่านั้นทั้งหมด เพราะท่านบอกว่าวิชาพวกนี้สู้วิชชาของพระพุทธเจ้าไม่ได้เลย เนื่องจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า วิชาพวกนี้ เป็นเดรัจฉานวิชา คือ เรียนแล้วยังติดข้องอยู่ในอบาย


เรื่องราวที่เกี่ยวกับการแสดงฤทธิ์ทางด้านไสยเวทของหลวงปู่หลวงพ่อวัดลำพญาเล่าไว้ว่้า
ในสมัยที่หลวงพ่อวัดลำพญาเป็นเด็กวัด อายุ 12 ขวบนั้น ท่านมีหน้าที่ช่วยหลวงปู่รับแขก คือ วันหนึ่งมีพระธุดงค์ 3 รูป ห่มจีวรสีกรักออกมาจากป่า มาขอเรียนวิชาไสยเวทจากหลวงปู่ และขอร้องให้หลวงปู่แสดงวิชาให้ดู หลวงปู่ท่านก็เลยปั้นตุ๊กตาดินเหนียว 2 ตัว วางไว้ห่างๆกัน ซึ่งปกติแล้วเวลาปั้นเสร็จ จอมขมังเวททั่วๆไป จะต้องท่องคาถาหรือเสกก่อน ตุ๊กตานี้ถึงจะขยับได้

แต่สำหรับหลวงปู่พอท่านปั้นเสร็จ ท่านก็แค่มองดูเฉยๆ โดยไม่ต้องเสกไม่ต้องเป่า แต่จู่ๆตุ๊กตาดินเหนียวนั้น ก็วิ่งพุ่งเข้าชนกันทันที จากนั้นหลวงปู่ก็สาธิตวิธีการทำวัวธนู โดยเอาตากจากโรงครัวมาจักสานเป็นวัวธนู พอทำเสร็จวัวธนูนั้นก็ขยับทำท่าจะบินได้ทันที หลวงปู่บอกว่าถ้า้เป่าพรวดเดียวก็บินไปทันที


จากนั้นหลวงปู่ก็สาธิตวิธีการทำนะหน้าทอง หลักการของวิชานี้ก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ ให้แผ่นทองคำเปลวมันเข้าไปอยู่ในร่างกายมนุษย์ ส่วนมากเขาจะเสกให้ไปอยู่ที่กระหม่อมและตามส่วนต่างๆของใบหน้า ซึ่งพอเสกเข้่าไปแล้ว แผ่นทองนี้จะอยู่ในร่างกายไปจนกระทั่งตายเพราะเชื่อว่าเป็นการทำให้มีเมตตา มหานิยม

กรรมวิธีการทำ ก็จะเอาทองคำเปลวแปะลงบนหน้าที่ทาน้ำมันเอาไว้ แล้วก็เสกคาถาคลึงจนทองคำเปลวเข้าไปแปะอยู่ในกะโหลก แต่ถ้าผู้มีอาคมแก่หน่อย เวลาแปะทองแล้วก็ไม่ต้องคลึง คือ เสกคาถาแล้วก็แค่มองๆแล้วทองก็จะวืดเข้าไปในกะโหลกเอง

แต่ถ้าเป็นพวหที่มีอาคมแก่ในระดับเทพ ก็แค่เอาแผ่นทองคำเปลวที่ยังไม่ได้ลอกกระดาษหุ้มออกวางไว้ที่มือเท่าจำนวน แผ่นที่ต้องการ แล้วก็เสกคาถาเป่าพ่วงเดียว ทองก็จะเข้าไปในร่างกายทันท

หรือถ้าเป็นพวกที่อาคมแก่แบบสุดๆในระดับขั้นเทพเรียกทวด พวกนี้จะสามารถเป่าให้เข้าไปติดกะโหลกมาตั้งแต่เกิดและจะติดไปจนตาย อีกทั้งเวลาเอาศพไปเผา กะโหลกก็จะไม่ไหม้ แต่กลับเป็นสีทองผ่องอำพันอย่างอัศจรรย์

แต่สำหรับการทำนะหน้าทองของหลวงปู่นั้น ไม่ว่าจะเป็นปรมาจารย์ขั้นเทพเรียกทวดแล้วทวดอีกขนาดไหน ก็สู้หลวงปู่ไม่ได้เลย เพราะการทำนะหน้าทองของหลวงปู่ ท่านเริ่มจากการไม่มีทองคำเปลวเลยสักแผ่น เพราะท่านให้หลวงพ่อวัดลำพญา (ในสมัยนั้นเป็นเด็กวัด) วิ่งไปเอาผ้าอาบน้ำฝนที่ตากไว้ที่ราวมาให้ จากนั้นท่านก็เอาผ้าอาบน้ำฝนลูบปรื๊ดขึ้นไปบนหน้าของท่าน และพอเอาผ้าออก ปรากฎว่าหน้าของท่านกลายเป็นทองสุกปลั่งทั้งใบหน้า และพอท่านเอาผ้าลูบลง หน้าทองนั้นก็หายไป พอพระธุดงค์ทั้ง 3 รูป เห็นหลวงปู่สามารถทำนะหน้าทองได้ โดยไม่ต้องมีแผ่นทองคำเปลวเป็นสารตั้งต้นเหมือนปรมาจารย์ท่านอื่นๆ ก็เลยเกิดอาการตะลึงกันขนาดหนัก รีบก้มกราบหลวงปู่กันยกใหญ่ เพื่อขอเรียนวิชา แต่หลวงปู่ท่านไม่สอน เพราะท่านบอกว่า
"อย่าเลย เรียนแล้วมันไปเพิ่มกิเลส ไม่ใช่วิชชา่ของพระพุทธเจ้า เรียนแล้วก็ไปนิพพานไม่ได้ แต่ 'สัมมา อะระหัง' นี่สิเป็นทางมรรคผล เพราะไปนิพพานได้"

แม้หลวงปู่จะพูดอย่างนั้น แต่หลวงพ่อวัดลำพญา (ขณะนั้นเป็นเด็กวัดอายุ 12 ขวบ) พอได้เห็นหลวงปู่สามารถแสดงวิชาไสยเวทได้เก่งแบบสุดๆขนาดนั้น ท่านก็อยากจะเรียนอยู่ดี จึงพยายามเอาอกเอาใจประจบประแจงบีบนวดหลวงปู่ เพื่อขอให้หลวงปู่ช่วยสอนให้ แต่หลวงปู่ท่านก็ไม่ใจอ่อน จึงบอกว่า
"เออ วิชานี้มันมีกิเลส ข้าจะให้เอ็งเป็นสมภาร"

ตรงนี้หลวงพ่อวัดลำพญาได้เล่าไว้่ว่า
"ตอนนั้นนะ ความคิดที่จะบวชน่ะยังไม่มีเลย เพราะคิดแต่อยากจะมีเมีย พอเห็นหลวงพ่อท่านแสดงนะหน้าทอง ก็เลยอยากจะเรียนกับท่าน เพราะคิดว่า เราจะได้เป็นขุนแผนก็คราวนี้แหละ..."

แต่่ท้ายที่สุด ญาณทัสสนะของหลวงปู่ก็แม่นเหนือความคาดหมายจริงๆ เพราะต่อมาหลวงพ่อวัดลำพญาก็ได้มาบวชและได้เป็นสมภารจริงๆตรงตามที่หลวงปู่ บอกไว้ทุกประการ

อีกคราวหนึ่ง ที่หลวงปู่สยบพวกไสยเวท เรื่องนี้ ลุงสมจิตร ฉ่ำรัศมี (ในอดีตเคยบวชเป็นเณรอยู่กับหลวงปู่) ท่านได้เล่าว่า
มีคนพาคนทรงคนหนึ่งมาขอให้หลวงปู่ช่วยชีวิต เนื่องจากคู่อริของคนทรงคนนี้ไปจ้างพวกมีอาคมแก่ๆทำคุณไสยไล่ฆ่ามา ขณะที่คนทรงกำลังอยู่กับหลวงปู่นั้น จู่ๆก็มีหุ่นขี้ผึ้งลอยพุ่งมาจากหน้าต่าง ดิ่งตรงเข้ามาหาคนทรงทันที ทำให้คนทรงตกใจร้องดังลั่น และเมื่อหลวงปู่เห็นดังนั้น ท่านก็ไปเอาแก้วน้ำมาครอบหุ่นขี้ผึ้งไว้ และด้วยอานุภาพของหลวงปู่ หุ่นขี้ผึ้งก็เสื่อมฤทธิ์หายแวบ กลายเป็นอากาศธาตุไปในทันที


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น