หน้าเว็บ

วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ปาฏิหารย์หลวงปู่สด ตอนยิ่งกว่าหมอเทวดา



เรื่องอานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ ใครๆก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า Beyond Expectation คือ เหนือความคาดหมายด้วยกันทั้งนั้น ขนาดในสมัยที่ท่านกำลังค้นคว้าวิชชาธรรมกายอยู่ ซึ่งช่วงนั้นยังไม่ได้ประชุมธรรมกาย หมายถึง ทีมงานทำวิชชาของท่านยังไม่ครบเพราะยังไม่มาก จึงยังไม่ได้รวมผู้ที่เข้าถึงพระธรรมกายให้มาทำวิชชาพร้่อมกัน 

ท่านมีวิชชาหนึ่งที่ทำให้วงการแพทย์ต้องตกตะลึงหรืองงไปตามๆกัน เพราะมีสามีภรรยาคู่หนึ่ง นั่งเรือจ้างโดยให้เขาแจวมาส่งที่ท่าน้ำวัดปากน้ำ พอมาถึง ผู้เป็นสามีก็กระหืดหระหอบรีบเข้ามากราบหลวงปู่ที่ศาลาสอนธรรมะทันที ด้วยความเดือดเนื้อร้อนใจว่
"หลวงพ่อครับ ภรรยาผมแท้งลูก ตอนนี้ลูกตายอยู่ในท้อง นอนรออยู่ที่เรือ ทรมานมากเลยครับ"
พอหลวงปู่ฟังเสร็จ ท่านก็นิ่งๆ แล้วพูดว่า
"เออ...เอาลูกออก เอา่แม่ไว้แล้วกัน"
จากนั้นหลวงปู่ก็เอาสายสิญจน์มาม้วนเป็นกลมๆเล็กๆ แล้วสั่งผู้เป็นสามีว่า
"เออ เอาไปให้เมียของเอ็งกิน"
พร้อมกับยื่นด้ายสายสิญจน์ที่ม้วนแล้วให้ที่มือ

จากนั้นชายหนุ่มผู้เป็นสามีก็เลยถามหลวงปู่เพื่อให้แน่ใจว่า
"ให้กลืนสายสิญจน์นี่เลยหรือครับ" หลวงปู่ก็ตอบว่า "ใช่"
ผู้เป็นสามีไม่รอช้า รีบเดินไปที่เีรือจ้าง แล้วเอาสายสิญจน์ที่หลวงปู่ให้มาใส่ปากภรรยาที่นอนอยู่ในเรือ และให้ดื่มน้ำกลืนลงไป น่าอัศจรรย์ สักพักเดียวเท่านั้น ด้ายสายสิญจน์ก็ไปคล้องเด็กที่ตายอยู่ในท้องออกมาทันที จนทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างตกตะลึงแบบสุดๆเพราะเด็กสามารถออกมาได้โดยไม่ ต้องฉีดยา ไม่ต้องผ่าตัดอะไรสักอย่าง จนสุดท้ายแ่ม่เด็กก็ปลอดภัย รอดชีวิตจากการตายทั้งกลมมาได้

ต่อมาภายหลังจากที่หลวงปู่ท่านประชุมธรรมกายแล้ว ท่านก็ทำวิชชาปราบมาร พร้อมกับช่วยแก้ทุกข์ภัยมนุษย์ไปด้วย และหนึ่งในการแก้ทุกข์ภัยมนุษย์ ก็คือ การทำวิชชาธรรมกายแก้โรคภัยไข้เจ็บ ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังด้านนี้มาก จนมีคนมากมายร่ำลือกันว่า ท่านเป็นยิ่งกว่าหมดเทวดา เพราะโรคที่ใครๆรักษาไม่หาย แถมเป็นโรคที่ร้ายแรงมากในสมัยนั้น แต่หลวงปู่ท่านกลับสามารถใช้วิชชาธรรมกายรักษาหายได้หมด เพราะการทำวิชชาแก้โรคภัยไข้เจ็บของหลวงปู่ ท่านจะเข้าที่สาวไปถึงต้นเหตุของการเกิดโรค สาวไปถึงผู้ส่งโรคภัยไข้เจ็บมาบังคับมนุษย์ ถ้าเขาบังคับได้ถึงจุดที่ทำให้เกิดโรค มนุษย์ก็จะป่วยเป็นโรคนั้นโรคนี่ และเมื่อท่านสาวไปถึงเหตุ ท่านก็จะไปดับที่เหตุ พอเหตุดับ ผลก็ดับไปด้วย แล้วมนุษย์ก็จะหายจากโรคนั้

ในกรณีที่ผู้ป่วยกรรมหนักมากจริงๆ คือ รักษาอย่างไรก็ไม่หาย โรคก็จะทุเลาลงอย่างเหลือเชื่อ หรือแม้แต่บางคนที่หมดอายุขัยลงแล้ว หลวงปู่ก็จะเอาบุญไปต่ออายุให้ (ในกรณที่ร่างกายยังพอใช้การได้) การรักษาโรคของหลวงปู่นั้น ท่านจะให้เขียนชื่อและอาการของโรคลงในกระดาษรายงาน จากนั้นก็รวบรวมส่งเข้าโรงงานทำวิชชา โดยที่หลวงปู่ท่านจะกลั่นแก่คุมบุญ โดยสั่งให้พระและแม่ชีที่ทำวิชชาช่วยกันแก้โรคให้ การแก้โรคของหลวงปู่นั้น ท่านจะให้คนป่วยนั่งสมาธิให้ท่้อง "สัมมา อะระหัง" ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังไปพร้อมๆกันด้วย เพราะถ้าคนป่วยยอมนั่งสมาธิ ก็จะทำให้การแก้โรคของท่านเสร็จง่ายและเร็วขึ้น เปรียบเสมือนกับการเป็นแผลบาดเจ็บที่ขา หากคนไข้นั่งแกว่งขาไปมาอยู่ตลอดเวลา หมอก็จะทำแผลได้ลำบาก ตรงกันข้าม หากคนไข้ทำขาให้อยู่นิ่งๆ หมอก็จะทำแผลได้สะดวกรวดเร็วขึ้น ซึ่งการทำอย่างนี้ ก็จะทำให้ท้ายที่สุด โรคที่เป็นอยู่ก็จะหายเป็นอัศจรรย์ แถมคนป่้วยหลายคนยังเข้าถึงธรรมะอีกด้วย

ในช่วงที่หลวงปู่ทำวิชชาแก้โรคนั้น ท่านก็ได้ทดลองนำคนป่วยหนัก 2 คน คือ คนหนึ่งเป็นวัณโรค อีกคนหนึ่งเป็นโรคเรื้อน ซึ่งในสมัยนั้น ทั้ง 2 โรคนี้ เป็นโรคร้ายแรงที่สังคมรังเกียจมาก แถมไม่มีทางรักษาหาย แต่สุดท้ายหลวงปู่ก็ใช้วิชชาธรรมกายรักษาจนหายขาดเป็นอัศจรรย์

นับตั้งแต่นั้น กิตติศัพท์เรื่องการรักษาโรคของหลวงปู่ ก็เลื่องลือขจรขจายขยายไปในวงกว้างอย่างรวดเร็ว จนทำให้มีคนสนใจเข้ามาปฏิบัติธรรมที่วัดปากน้ำเป็นจำนวนมาก อย่างเช่นกรณีของ คุณชัช วนิกเกียรติ เป็นโรคเรื้อนที่ไปรักษามากี่หมอๆก็ไม่หาย จนคิดจะเปลี่ยนใจไปนับถือศาสนาอื่น เพราะมีคนบอกว่า ถ้าเปลี่ยนไปนับถือศาสนานั้นแล้วจะหาย แต่ก็โชคดี ที่ช่วงนั้นคุณชัชเดินทางไปหาหลวงปู่ก่อน พอหลวงปู่เห็นก็บอกว่า
"ไม่ต้องไปทำอะไรหรอก แค่โรคเรื้อน "สัมมา อะระหัง" เดี๋ยวก็หาย..."
สุดท้ายก็หายจริงๆ เพราะหลวงปู่ท่านทำวิชชาแก้โรคให้ พร้อมกับการที่คุณชัชได้หันมานั่งสมาธิปฏิบัติธรรมไปพร้อมกันด้วย

เรื่องราวการทำวิชชาแก้โรคภัยไข้เจ็บของหลวงปู่มีอย่างมากมาย บางโรคดูๆแล้ว ก็ไม่น่าจะรักษากันง่ายๆ เช่้น โรคบ้า แต่หลวงปู่ท่านก็รักษาหาย เช่นเคสของ ป้าเทียบ สุขเจริญ ที่เป็นหลายแท้ๆของหลวงปู่ คือ ป้าเทียบจะมีอาการเฉพาะหน้าหนาว บ้าแบบชนิดคลุ้มคลั่งจนต้องเอาโซ่ล่ามไว้คนเดียว หนำซ้ำไปรักษาๆมากี่หมอๆก็ไม่หาย จนผลสุดท้ายมาขอพึ่งบารมีหลวงปู่ หลวงปู่ท่านก็บอกว่า
"เอ็งน่ะ ไม่ต้องไปรักษาที่ไหนหรอก เดี๋ยวหมดกรรม มันก็หายเองแหละ"

จากนั้นหลวงปู่ท่านก็ให้กินยาลมของวัดปากน้ำ ชื่อว่า ยาลมบาดทะจิต และก็ให้นั่งสมาธิ "สัมมา อะระหัง" ในช่วงที่ไม่ออกอาการบ้า และสุดท้ายไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ คือ ต่อมาอีกประมาณ 4-5 ปี อยู่ๆอาการบ้าก็หายเป็นปลิดทิ้งไปเฉยๆ

อีกครั้งที่ ลุงสังวาล เทียนทองคำ ซึ่งเป็นน้องชายของสามเณรมงคลที่เชียวชาญในวิชชาธรรมกายมากในสมัยนั้น ได้เล่าให้ฟังว่า
"มีคนป่วยเดินทางมารักษากับหลวงปู่มาก และทางวัดก็ได้จัดเตรียมที่พักไว้ให้ด้วย การรักษาของหลวงปู่ก็ไม่ต้องใช้ยาอะไรให้ยุ่งยาก แต่ก็รักษาหาย แม้แต่มะเร็งหรือวัณโรค ท่านก็รักษาหายหมด หรืออย่างบางคนที่เป็นบ้า คลุ้มคลั่งมาเลย ถึงขั้นที่ญาติที่พามาต้องเอาโซ่ล่ามไว้ก่อน เพราะกลัวจะหนีไปที่อื่น แต่พอมาเจอหลวงปู่เท่านั้น อาการบ้าๆ ที่กำลังเป็นอยู่ ก็สงบลงอย่างประหลาด และสุดท้ายหลวงปู่ท่านก็ทำวิชชาแก้โรคให้หายได้อย่าอัศจรรย์..."

คนป่วยที่มาหาหลวงปู่ในสมัยนั้น มีตั้งแต่ระดับรากหญ้าจนถึงระดับไฮโซ อย่างเช่น คุณหญิงลมุน บุรกรรมโกวิท ภรรยา พ.อ.หลวง บุรกรรมโกวิท อดีตอธิบดีกรมโยธาธิการ และคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สมัยจอมพล ป.พิบุลสงคราม ท่านก็มาขอบารมีหลวงปู่ให้ทำวิชชาแก้โรคให้ พอคุณหญิงหายป่วย ก็เกิดจิตศรัทธาอย่างแรงกล้า เข้าวัดปฏิบัติธรรมและกลายเป็นอุปัฏฐากใหญ่ของวัดปากน้ำไปในที่สุด

อย่างลูกศิษย์หลวงปู่อีกท่านหนึ่ง คือ พลตรีโสภณ กะราลัย ในช่วงที่ท่านมีลูกคนแรกอายุได้ประมาณ 8 เดือน อยู่ๆหลวงปู่ก็ให้คนไปบอกที่บ้านพักในกรมทหารว่า ให้ระวังลูกจะเจ็บหนัก


พอคุณประทุม ภรรยาของพลตรีโสภณฟังแล้วก็นึกสงสัยว่า ลูกจะเจ็บป่วยได้อย่างไรในเมื่อขณะนั้นลูกยังแข็งแรงดี ไม่มีทีท่าว่าจะเจ็บป่วย แต่เมื่อทราบจากหลวงปู่เช่้นนั้น ก็พยายามระมัดระวังดูแลลูกอย่างดีืัที่สุด แต่ต่อมาอีก 2-3 วัน จู่ๆ ลูกก็ป่วยเป็นโรคบิดขั้นรุนแรงจนหมอไม่รับรองว่าจะรอดชีวิต

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้พลตรีโสภณเกิดอาการร้อนรนรีบมาถวายใบแจ้งอาการป่วยของลูกแด่หลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่ท่านก็บอกว่า
"มันจะเอาไป เราต้องสู้กันหน่อย จะแก้ไขให้"
จากนั้นหลวงปู่ก็สั่งพระและแม่ชีทำวิชชาแก้โรคให้ สุดท้ายลูกของพลตรีโสภณก็รอดชีวิต หายเป็นปกติอย่างเหลือเชื่อ

อีกครั้งหนึ่ง ในช่วงที่คุณประทุมตั้งครรภ์ลูกคนที่ 2 ก็มีอาการแพ้ท้องอย่างรุนแรง กินข้าวไม่ได้เลยถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลนานเกือบเดือน แต่ก็ไม่ดีรขึ้น จนหมอบอกว่า
"เคสนี้ ต้องเอาเด็กออก ไม่งั้นแม่จะตาย"
จากนั้นหมอก็ยื่นเอกสารมาให้พลตรีโสภณเซ็ฯยินยอมเพื่อให้เอาเด็กออก เพราะหากช้ากว่านี้ แม่เด็กจะเสียชีวิต แต่พลตรีโสภณก็ไม่ยอม จึงร้อนรนเดินทางมากราบหลวงปู่ว่า
"ผมไม่อยากฆ่าลูก แต่ถ้าไม่ฆ่าลูกก็เหมือนฆ่าแม่"
หลวงปู่ก็ตอบกลับไปว่า
"เออ ไม่ต้องฆ่าใครหรอก เอาไว้ทั้ง 2 คน นั่นแหละ"
จากนั้นหลวงปู่ท่านก็ใช้วิชชาธรรมกายช่วยชีวิต ปรากฎว่า อยู่ๆคุณประทุมก็มีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างประหลาด จนหมอตัดสินใจไม่ทำแท้ง และสุดท้ายก็รอดชีวิตอย่างที่หลวงปู่บอกจริงๆ


นอกจากเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยแล้ว คนที่มีปัญหาเรื่องการคลอดลูกยาก ก็จะมากราบขอบารมีหลวงปู่ เขาก็จะเอากล้วยน้ำว้าำไปถวายให้หลวงปู่ท่านซ้อนวิชชาธรรมกายให้ เมื่อหลวงปู่รับไปแล้ว ท่านก็เอาไปไว้ในมือท่าน จากนั้นท่านก็หลับตานิ่งๆครู่เ้ดียว แล้วก็ส่งกล้วยน้ำว้าคืน เพื่อเอาไปให้คนที่จะคลอดลูกกิน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แปลกมาก คือ พอคนใกล้คลอดกินกล้วยน้ำว้าที่หลวงปู่ซ้อนวิชชาธรรมกายไปเท่านั้นเอง ปรากฎว่า คลอดลูกง่ายมากๆเพราะแค่รู้สึกปวดท้องนิดๆก่อนคลอดเท่านั้น และก็คลอดปรื้ดออกมาเลย ซึ่งวิชชาธรรมกายของหลวงปู่สามารถทำได้เกินกว่าศาสตร์ของแพทย์จะหยั่งถึง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น